วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2555

ไปเดินเล่นเลาะชายฝั่งเหนือสุดเกาะไต้หวัน

หลังจากบรรดานักเรียนไทยทั้งหลายเอาชีวิตรอดจากรายงานปลายภาคกันมาได้...
เด็กไทยส่วนใหญ่กลับไปรักษาบาดแผลกันที่เมืองไทย ไม่ก็ไปเที่ยวฉลองตรุษจีนกับครอบครัว
รุ่นพี่หลายคนขู่กันว่า ช่วงตรุษจีนที่ไต้หวัน ไทเปจะเงียบเป็นป่าช้า ร้านค้าปิดหมด
คนไต้หวันกลับบ้านที่ต่างจังหวัดกัน คนไทเปก็อยู่บ้านเล่นไพ่นกกระจอก
พี่ๆ ก็เตือนน้องๆ ที่จะอยู่ท้าทายความเหงา ให้ตุนมาม่าไว้เยอะๆ ระวังจะไม่มีของกินนะอีหนู...

หึๆๆ อิหนูก็เลยอยากจะลองดู ว่ามันจะเงียบขนาดไหน
ปิดเทอมฤดูหนาวปีนี้เลยไม่ได้กลับบ้านอย่างใครๆ เขา
แต่เวลาตั้งเดือนกว่า เราจะทำอะไรกันดี...

หลังจากนั่งว่างๆ เวิ่นเว้อมาสองสามวัน
เรามาประเดิมภารกิจแรกด้วยการไปเดินเล่นเลาะริมชายฝั่งทางเหนือกันเถอะ!!
เดินเล่น... ฟังดูชิลเนอะ~
เมื่อตัดสินใจได้เยี่ยงนั้นก็จัดการหาข้อมูลตารางเวลารถไฟ รถเมล์ แผนที่
ดูพยากรณ์อากาศแล้วเค้าบอกว่าจะมีเมฆครึ้ม ฝนไม่ตก...
(แต่ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคลฮ่ะ... = =' )

ออกจากบ้านแต่เช้า ขึ้นรถไฟเที่ยว 06:35 มุ่งหน้าเมืองจีหลง(基隆)
ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไทเป เพื่อไปต่อรถเมล์
เป้าหมายแรกของเราในวันนี้คือ Yehliu Geopark เป็นอุทยานที่มีหินรูปร่างต่างๆ
ที่เกิดจากการกัดเซาะของลมและน้ำตามธรรมชาติ
นางเอกของรายการคือหินรูปหัวราชินี หรือ Queen's head อันโด่งดัง
ไหนจะหินรูปเทียน รูปรองเท้า และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ว่ามาข้างต้นนั้น
อิชั้นไม่ได้ไปดูไปถ่ายรูปมาซักอัน...เนื่องจากมีทัวร์จีนและเกาหลีมาลงพร้อมกันสองทัวร์
คุณพี่ไกด์เค้าก็ต้อนลูกทัวร์ไปถ่ายรูปกับหินดังๆ ทั้งหลาย โดยเฉพาะหัวราชินี
ถึงขั้นต้องตะโกนแข่งกันเลยทีเดียว...
" รีบไปเข้าแถวเร็ว หัวราชินีอยู่โน่น เดินตามลูกศรไป รีบไปถ่ายตรงนั้นก่อน
เสร็จแล้วจะไปดูอะไรก็แล้วแต่คุณ!! "

อ่ะจ่ะ...รุมกันเข้าไปฮะ... หนูไปหาที่เดินเล่นตรงอื่น โล่งๆ ชิลๆ ดีก่า...

นักท่องเที่ยวเข้าแถวถ่านรูปกับหัวราชินี
อันที่จริงในสวนนี้แบ่งเป็นสามโซน โซนแรกกับโซนที่สองเรทติ้งดีสุด
เพราะมีหินดังๆ ที่คนอยากมาดูเยอะแยะ
ถ้าใครมีเวลาเที่ยวไม่มากก เดินดูแค่สองโซนนี้ก็ถือว่าโอเคแล้ว

แต่ถ้าว่างจัด อยากไปดูอะไรที่ชาวบ้านเค้าไม่ได้ดูกัน ตามอิชั้นมาค่ะ เราจะไปให้สุดติ่งกัน...

โซนที่สามที่ไม่ค่อยมีใครไป ดูเหมือนจะไม่ค่อยมี "อะไร" ให้ดู
แต่ถ้าเราอยากจะไปดู ที่จริงมันยังมีอะไรซ่อนอยู่นะจะบอกให้

จะไปให้ถึงตรงที่มีเสาแหลมๆ โน่นนนน 
มันต้องเดินขึ้นเขาด้วยเหรอเนี่ย...
เจอดอกไม้น่ารักระหว่างทาง แต่แอบเหม็นนะเธอ

หลังจากเดินเหงาเปล่าเปลี่ยวอยู่นาน ก็มาถึงตรงปลายสุดซะที
บริเวณนี้เค้าประกาศเป็นเขตพื้นที่อันตรายสำหรับวันที่มีพายุไต้ฝุ่น
หรือวันที่กรมอุตุฯ ประกาศว่าจะมีคลื่นลมแรง วันนี้ไม่รู้เค้าประกาศหรือเปล่า แต่ลมแรงมากกก!!!
และไม่มีคนอื่นเลย... หรือว่าหนูไม่ควรมาตรงนี้?
มองไปรอบๆ ตัวเจอแต่ หิน หิน หิน และแล้วก็เห็นคุณลุงนั่งตกปลาอยู่คนนึง...
แสดงว่าตรงนี้เค้าให้มาได้ งั้นก็อย่าไปแคร์ ไปถ่ายรูปเล่นดีกว่า

บันไดหินตามธรรมชาติ
(ก่อนถ่ายก็เพิ่งเดินลงบันไดนี้มา)
หลุมดวงจันทร์
ฟอสซิลหอย!!
แมวน้ำนั่งมองทะเล



เดินตากลมให้หนาวเล่นจนสาแก่ใจแล้วก็เดินกลับออกไปรอรถเมล์ที่ป้ายเดิมเพื่อไปยังเป้าหมายต่อไป

JinShan old street
ตอนมาถึงยังไม่สิบเอ็ดโมงดี แต่ก็เริ่มหิวแล้วอ่า...
ตอนที่หาข้อมูลมาเค้าบอกว่ามาที่นี่ต้องกินเป็ด แต่ปรากฎว่ามาถึงแล้วร้านดันปิด... เซ็งเป็ด...
เดินวนอยู่รอบนึง เลยไปกินเสี่ยวหลงเปาแทน
ไม่ได้อร่อยขั้นเทพอย่างของติ่งไท่ฟง แต่ ณ จุดนี้ อะไรเข้าปากมาก็อร่อยทุกอย่างแล้วอ่ะ...

พอมีคนบ้าง แต่ไม่คึกคักเท่าที่ควร คงเพราะเป็นวันธรรมดา
เสี่ยวหลงเปา เข่งละ 60NT
เมื่อท้องอิ่มดีแล้ว เราก็ไปต่อกันเถอะ... นั่งรถยาวขึ้นไปทางเหนือ หนูจะไปให้ถึงดวงดาว!!!
เป้าหมายคือ จุดเหนือสุดของเกาะไต้หวัน~

ลงรถป้าย [登台口]
ข้ามถนนแล้วเดินไปตามป้ายเลย มันจะวนมาขึ้นสะพานข้ามกลับมาฝั่งที่เราลงรถเมื่อกี๊ งงมะ...
แต่ถ้าใครไปถึงเห็นแล้วจะหายงงเอง...
จากปากทางเดินเข้าไปลึกพอสมควร ฝนเริ่มตกแรงขึ้น ลมก็แรงขึ้นเรื่อยๆ การกางร่มไม่ช่วยอะไร อุณหภูมิลดลงๆ รอบข้างไม่มีคน หนาว... เปลี่ยว... เดินๆ ไปก็ชักไม่แน่ใจว่ามาถูกทางหรือเปล่า
ไม่มีคนให้ถามเลยด้วย เลี้ยวผิดไปทีนึง ไปเจอลานโล่งๆ มีเขาวงกตให้เล่นด้วย
แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ แถมมาคนเดียว กลัวออกมาไม่ได้แล้วจะไม่มีใครรู้ว่าเราไปหลงอยู่ที่ไหน

น่าเล่นเนอะ
เดินย้อนกลับมาทางเก่า ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป ใจก็คิดต่อไป จะเอาตัวเองมาลำบากทำไมวะ...
อยู่บ้านก็อุ่นๆ แห้งๆ สบายๆ ดี แล้วตูจะออกมาเดินเล่นตากลมตากฝนทำไมกัน
ในหัวก็คิดไปอย่างนั้น แต่ขามันก็เดินต่อไปเรื่อยๆๆๆ
หนทางสู่ดวงดาวมันช่างเหน็บหนาวและเปล่าเปลี่ยว
อยู่ดีๆ ตรงสุดทางสามแยกข้างหน้าก็เห็นผู้ชายคนนึงขี่มอเตอร์ไซค์มาจอด แล้วมองมาทางเรา
(OS:เย้! เจอมนุษย์แล้ว!!)

เค้าจอดอยู่ และมองมาทางเรานานมาก สายตาดูเหมือนจะเชิญชวนให้เราซ้อนท้ายไปด้วยกัน *v*
แต่เค้าก็ไม่ได้ตะโกนเรียกหรือแสดงท่าทางอะไร เราเองก็เป็นกุลสตรีไทยเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้
จะไปตะโกนเรียกเค้าขอซ้อนไปด้วยก็กระไรอยู่...

พอเราเดินใกล้เข้าไปในระยะที่พอจะพูดกันให้ได้ยินแบบไม่ต้องตะโกน
และเราเริ่มมั่นใจว่าเค้ามองมาทางเราแน่ๆ แต่แล้ว...
อยู่ดีๆ เค้าก็ออกรถไป เหมือนที่ผ่านมาเมื่อกี๊ฉันแค่ฝันไป คือฉันเองที่เพ้อไปคนเดียว เอี้ยยยยยย!!! ผู้ชายทั้งโลกมันพึ่งไม่ได้!!!  ซึ่งจริงๆ แล้วเค้าก็ไม่ได้ทำผิดอะไร...
แต่อารมณ์นั้นมันอยากจะกรีดร้อง ตะโกน โวยวาย ประนามผู้ชายทั้งใต้หล้า T-T

แล้วจะทำอะไรได้... ก็ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป...
มองไปข้างหน้า ไม่มีคน มองไปข้างหลัง ไม่มีใคร ความคิดเดิมๆ ย้อนกลับมาอีกครั้ง
ตูมาเดินทำอะไรอยู่ตรงนี้!!! อยู่บ้านดีๆ ออกมาหาเรื่องทำไม
เดินไปก็คิดไป และแล้วตรงหน้าก็ปรากฎสิ่งที่ดึงให้เราออกจากบ้านมาเดินตากฝนเล่น
ประภาคารที่อยู่ ณ จุดเหนือสุดของไต้หวัน มันก็ไม่ได้สวยอะไรมากมาย
วิวรอบๆ ก็เป็นทะเลเหมือนๆ กัน แต่ความรู้สึกที่ได้เดินมาจนถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
มันทำให้ประภาคารดูสวยขึ้น วิวทะเลดูแตกต่างจากที่อื่น สุดท้ายแล้วก็พบว่าคุ้มที่เดิน...
ขอแค่อย่านิ่งเฉยอยู่กับที่ มันต้องมีอะไรได้กลับมาบ้างแหละน่า

Fuguei Cape Lighthouse


แผนที่ และวิธีการเดินทาง

View [北海岸] Taiwan's North Coast in a larger map