วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

[ส่งของกลับไทย] ผ่านบริการของพี่ไปรษณีย์สีเขียวๆ

*** ตอนนี้ราคาค่าส่งมีการเปลี่ยนแปลงแล้วนะคะ เช็คราคาใหม่ได้ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้จ้า ***

https://www.post.gov.tw/post/internet/Postal/index.jsp?ID=2050403

นึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนบินมาไต้หวันวันแรก 
ตอนนั้นมีเพียงกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ กับเป้สะพายหลังใบน้อย 
(ที่ก็เกือบจะน้ำหนักเกินกว่าที่สายการบินกำหนดแล้ว)

แต่อยู่มาอยู่ไป เอ๊ะทำไมห้องเรามันแคบลงเรื่อยๆ (หรือจริงๆ ก็คือของมันเยอะขึ้นนั่นเอง)
พอถึงเวลาจะกลับไทยก็ได้เวลางานเข้าแล้วล่ะฮะ ต้องมาจัดของเลือกของ
ไอ้นั่นก็ชอบ ไอ้นี่ก็รัก ไม่อยากทิ้งซักอย่าง อยากขนกลับไทยให้หมดเลย

ครั้นจะหอบหิ้วขึ้นเครื่องไปทั้งหมด ชีวิตก็ดูจะยากไป
นี่จึงเป็นที่มาของการหาช่องทางอื่นในการส่งของกลับไปก่อน 
แล้วเราก็นั่งเครื่องบินกลับไปนั่งตีพุงรอชิลๆ ที่บ้าน

จริงๆ ไต้หวันก็เหมือนประเทศอื่นๆ ที่จะมีผู้ให้บริการชิปปิ้ง ส่งของไปต่างประเทศอยู่หลายบริษัท
แต่เนื่องจากมีเยอะไปก็เลือกไม่ถูก แถมราคาแพง 
วันนี้เราเลยเลือกใช้บริการของ "ไปรษณีย์ไต้หวัน" ฮ่ะ
เหตุผลหลักๆ ที่เลือกเลย คือ ราคาไม่แพงมาก เหมาะกับนักเรียนผู้ยากไร้อย่างเรา TvT
แล้วก็ยังเลือกได้ทั้งส่งทางอากาศและทางเรือ ระยะเวลาไม่นานมาก (มั้ง...ค.รู้สึกส่วนตัวอ่ะ) 
บริการดีมีมาตรฐาน ติดตาม Tracking ได้ ส่งมาสิบกว่ากล่องได้ของครบทุกครั้ง
แถมส่งตรงให้ถึงบ้านด้วยบริการจากพี่ไปรษณีย์ไทยของเราอีก 
(เอ๊ะ...จะเริ่มไม่แน่ใจก็ตรงนี้...555)

สำหรับระยะเวลากว่ากล่องใบน้อยของเราจะเดินทางถึงบ้าน
ถ้าส่งทางอากาศ จะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน
ส่วนทางเรือ ประมาณ 20-45 วัน

นี่คือหน้าตาของที่ทำการไปรษณีย์สีเขียวๆ ตั้งอยู่ทุกมุมของเกาะไต้หวัน
อันดับแรก ก็ต้องเริ่มจากแพคกล่องกันก่อน
เท่าที่หาข้อมูลมา ก็ยังหาไม่เจอ ว่าขนาดกล่องกว้างคูณยาวได้ไม่เกินเท่าไหร่
เจอแค่ว่า น้ำหนักสูงสุดกล่องละไม่เกิน 30 กิโลกรัม (เกินกว่านี้นู๋ก็แบกไปส่งไม่ไหวหรอกฮะ^v^)

ในส่วนของกล่องนั้น จะซื้อจากที่ไปรษณีย์ก็ได้ หรือจะไปเดินหาตามร้านค้าที่มีแจกฟรีก็ได้
แต่โดยส่วนตัวแล้วชอบกล่องของการไปรษณีย์มากกว่า เพราะเนื้อหนามาก แข็งแรงทนทาน
กล่องใบน้อยของเราจะต้องไปถูกทับ ถูกอัดอยู่บนเรือตั้งหลายวัน กลัวมันจะเปื่อยไปซะก่อน 
แต่ถ้าหากล่องมาเองก็ควรจะดูสภาพให้แข็งแรงทนทานหน่อยนะฮะ 
ของๆ เราจะได้ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ


หน้าตากล่องของการไปรษณีย์ ใบนี้ไซส์ใหญ่สุด ราคา 45 NT
หลังจากประกอบและใส่ของไปแล้วบางส่วน

กล่องขนาดที่เอามาให้ดูนี้ ถ้าใส่เสื้อผ้าเข้าไปเต็มๆ น้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ 9-11 กิโล
ส่วนถ้าจะมิกซ์ ใส่หนังสือ ใส่ของใช้อื่นๆ ไปด้วยก็คำนวนกันเองตามสไตล์ของแต่ละคน

หลังจากแพคของแพคอะไรเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาแบกไปส่งฮะ
ถ้าของเยอะมาก บางสาขามีรถเข็นให้ยืม บางสาขามีบริการมารับของถึงบ้าน
ลองปรึกษา ณ ที่ทำการไปรษณีย์ใกล้บ้านท่านดูได้

แต่สาขาแถวบ้านเราไม่มีบริการเหล่านี้ นู๋ต้องอุ้ม แบก ลาก ไถ ไปส่งที่ไปรษณีย์วันละกล่อง
น่างสารเนอะ... พอดีบ้านอยู่ชานเมือง และแถวบ้านเป็นไปรษณีย์ขนาดเล็ก T^T

ลำดับต่อไปจะเกี่ยวกับแบบฟอร์มทั้งหลายที่เราต้องกรอก
แบบฟอร์มนี้สามารถไปหยิบมาวิจัยและเอามากรอกเองก่อนที่บ้านได้
ตอนไปส่งจะได้ยื่นให้เค้าได้เลย เก๋ๆ ไม่ต้องเสียเวลากรอก หรือโดนคนต่อคิวข้างหลังกดดัน

แต่ละที่ทำการไปรษณีย์จะมีตู้ช่องๆ แบบนี้ให้หยิบได้เอง
งงอ่ะดิ...แล้วจะหยิบช่องไหนล่ะ!!?
ช่องนี้จ้ะ

เผื่อยังไม่ชัดเจนพอ  นี่คือหน้าตาแบบฟอร์มส่งพัสดุระหว่างประเทศจ้ะ

อย่าเพิ่งตาลายฮะ เราไม่ได้ต้องเขียนหมดทุกช่อง 
เขียนแค่ช่องที่มีคำว่า "ต้องกรอก" และช่องที่ตีกรอบแดงๆ ก็พอ
ส่วนมุมบนขวา เป็นช่องให้ติ๊กเลือก ว่าจะส่งทางไหน เราเลือกเป็นทางเรือไว้ 
แต่ถ้าใครรีบ จะส่งทางเครื่องบินก็ติ๊กช่อง Air Mail ได้เลย
ส่วน SAL ที่อยู่ขวาสุด ส่งไปทวีปอเมริกาได้อย่างเดียว ส่งไปไทยบ่ได้จ้าาา


นี่เป็นแบบฟอร์มอีกใบ ไม่มีให้หยิบในช่องๆ เมื่อกี๊นะ เราต้องไปขอจากเจ้าหน้าที่ตรงเคาน์เตอร์เอง
(เผื่อคนไม่รู้ภาษาจีน เจ้าใบนี้มีชื่อว่า "ซาง เย่ ฟา เพี่ยว")

รายละเอียดที่กรอกจะต้องตรงกับที่เขียนไว้ในใบแรก

ที่อยู่ที่ไทย เขียนด้วยภาษาไทยได้เลย แต่ต้องกำกับว่า Thailand หรือ 泰國 ตัวชัดๆ โตๆ

ตรง List of Contents
ให้ใส่เป็นประเภทสิ่งของแบบกว้างๆ
เช่น เสื้อผ้า หนังสือ "เป็นภาษาจีน หรืออังกฤษ" ก็ได้

ช่องจำนวน กะเอาคร่าวๆ ไม่จำเป็นต้องตรงเป๊ะ

ส่วนช่องมูลค่าสินค้า
ปกติจะใส่ไว้ที่ 500 - 1000 ไม่ได้ต้องใส่ตามจริงเป๊ะๆ กะเอาให้สัมพันธ์กับประเภทของของที่เรากรอกไว้

แต่อย่าใส่แพงไป
เพราะอาจไปโดนภาษีเอาตอนของถึงไทยได้

เอาล่ะ... เมื่อแพคกล่องพร้อม แบบฟอร์มพร้อม ก็แบกไปส่งที่ไปรษณีย์ได้เรยยยย

ส่วนรูปด้านล่างต่อไปนี้จะเป็นตารางราคาค่าส่ง สำหรับการส่งทางเรือ
เอาไว้ประกอบการพิจารณา ว่าต้องเตรียมเงินเตรียมงบอะไรยังไงเท่าไหร่




ส่วนอัตราค่าส่งทางอากาศ ตารางราคาจะแบ่งช่วงละเอียดยิบย่อยกว่านี้เยอะ
คิดน้ำหนักกันแบบระดับจุดทศนิยม เราเลยไม่สามารถแคปรูปมายัดลงในนี้ให้ได้
แต่เอาลิ้งค์มาแปะไว้ให้แล้ว  >>> อัตราค่าส่งพัสดุระหว่างประเทศ (ทางอากาศ)

สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการแพคของและช้อปปิ้ง (ยังจะช้อปอีกกก!!?)
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยคต่อทุกท่านบ้าง ไม่มากก็น้อย
หรือถ้าไม่มีเลยก็ปิดๆ หน้าต่างนี้ไปเลยก็ได้ฮะ...555

ถ้าผิดพลาดประการใด ตกหล่นตรงไหน ทักท้วงและสอบถามเพิ่มเติมได้ในคอมเม้นต์เลยนะฮะ

บรายยยยย~~

CR. ข้อมูลจาก www.post.gov.tw

12 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวสามารถส่งของจากไปรษณีย์ไต้หวันกลับมาไทยได้ไม๊คะ เพราะไม่ทราบว่าจะกรอกตรงช่องName and address of senderว่าอย่างไร ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  3. อยากส่งน้ำยากลับไทยแต่ไม่รู้จะโดนตีกลับไป

    ตอบลบ
  4. ไปรษณีย์เปิด-ปิดกี่โมงครับเปิดวันไหนบ้างครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ต้องดูแต่ละสาขานะคะ บางที่เปิด9โมงเช้า
      วันเสาร์ ปิดทำการ
      วันอาทิตย์ ปิดทำการ
      วันจันทร์ 08:30น.–17:30น.
      วันอังคาร 08:30น.–17:30น.
      วันพุธ 08:30น.–17:30น.
      วันพฤหัสบดี 08:30น.–17:30น.
      วันศุกร์ 08:30น.–17:30น.

      ลบ
  5. เราต้องเสียภาษีที่ไทยทุกครั้งไหมค่ะ หรือแล้วแต่ประเภทของอีกที

    ตอบลบ
  6. ไปรษณียรับส่งมือถือกลับไทยไหมค่ะ

    ตอบลบ
  7. เช็คได้ไหมคะว่าถึงยังเดือนกว่าแล้งของยังไม่ถึงเลย

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ27 สิงหาคม 2565 เวลา 23:52

    ถ้ากรณีส่งจะ2เดือนพัสดุยังไม่ถึงไทยต้องตามที่ไหนค่ะ

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ1 สิงหาคม 2566 เวลา 16:08

    ทำไมเราไปส่ง 10โล แต่โดนไป960 อ่ะ (ส่งทางเรือเหมือนกันนะ)🥹🥹

    ตอบลบ